หนังเอเชีย เรื่อง juno จูโน่ โจ๋ป่องใจเกินร้อย หากถูกใจหนังวัยรุ่น เรื่องนี้ก็คือพลาดไม่ได้เลยนะ แต่หลุดไปทางชีวิตที่ค่อนข้างจะดราม่า ของวัยรุ่น คือ ท้องณ เวลาเรียนรู้! แล้วคือในเรื่องเป็นการแก้ปัญหาของ คุณแม่ยังสาวคนนี้ ว่าจะทำอย่างไรกับเด็กในท้อง โดยนางมีใจที่เต็มร้อยจริงๆ ฝ่าฝันชีวิตที่ไม่คาดรู้สึกว่า แค่คืนเดียว นำมาซึ่งการทำให้นางจำเป็นต้องมาเป็นแม่คนที่ยังสาวอยู่ และนางมีความคิดว่าจะยกลูกให้เป็นลูกครอบครัวหนึ่งที่พร้อมจะเลี้ยงลูกของนาง ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนจากวัยรุ่นผู้อื่น คงจะจะชมเป็นเรื่องที่เรียบๆ แต่รื้นเริงนะ
I want to eat your pancreas (2017) – ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ
เด็กหนุ่มหนอนหนังสือที่ชอบเก็บตัวคนหนึ่ง ได้บังเอิญไปเจอกับไดอารี่ ยามากูจิ ซากุระ นักเรียนมอปลายสาวสวยในรุ่น ที่เจาะจงว่าเธอกำลังจะตายข้างในไม่กี่ปีต่อจากนี้ ด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งตับ หนังเอเชีย จนทำให้เขาได้ใช้ขณะในชีวิตเพื่ออยู่กับเธอในช่วงเวลาที่คงเหลือ ซึ่งใน 12 ปีภายหลัง เขาก็ได้เหมือนกันกลับมาเป็นครูที่โรงเล่าเรียนเดิม พร้อมทั้งรับหน้าที่ชมแลห้องสมุด จนได้ประสบกับไดอารี่เล่มอื่น ที่เป็นความลับที่ถูกซ่อนมาเป็นเวลากว่า 12 ปี
ถึงแม้ชื่อเรื่องหนังคงจะดูประหลาดๆ อยู่หน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อยหรอก) แต่ชื่อต้นแบบของญี่ปุ่นก็แปลออกมาได้ตามนี้จริงๆ แต่ถึงชื่อเรื่องจะสื่อออกมาชมน่ากลัวแต่มันกลับเป็นหนังรักแบบปั๊ปปี้เลิฟของคนวัยหนุ่มสาวแบบเต็มตัว ที่จะพาคนดูไปพิจารณาความเกี่ยวเนื่องแบบรักแรกอีกรอบ โดยมีโรคร้ายมาเป็นคล้ายกับสิ่งที่นำมาซึ่งการทำให้พวกเขาควรต้องแยกจากกันในวันหนึ่ง ที่แม้คนดูจะทราบปลายทางของทั้งสองอยู่แล้ว จากการที่หนังตัดสลับก่อนหน้านี้กับปัจจุบันนี้ แต่นั่นจะเกิดเรื่องเช่นเดียวกับทั้งปวงมั๊ย อาจจะควรต้องทดสอบไปชมกันเอง เนื่องมาจากถึงจะเป็น Light Novel แต่เหตุการณ์ด้านในกลับดูหนักอึ้ง และบีบบังคับคนชมเสียจริง
หนังเอเชีย Almost a Love Story กำกับโดย ปีเตอร์ ชาน
ในชื่อไทยคือ เถียน มี มี่ 3,650 วันรักเธอคนเดียว แค่เห็นภาพของหนังเรื่องนี้เสียงเพลง เถียน มี มี่ ก็อย่างกับเข้ามาในทันที จากหนังรักโรแมนติกของคนสองผู้คนที่มาเผชิญโชคในเมืองกรุง หนังเริ่มตอนนี้ตั้งแต่ต้นวันที่ 1 มีนาคม 1986 “หลี่เสี่ยวจิน” (หลี่หมิง) กับ “หลี่เฉียว” (จางม่านอวี้) ทั้งคู่เป็นคนจีน
แผ่นดินใหญ่เข้ามาหางานทำในฮ่องกง บังเอิญได้รู้จักดีกันแต่สถานะของทั้งสองก็ไม่เคยลงเอย เนื่องจากฝ่ายชายมาสะสมเงินเพื่อแต่งงานกับแฟน ส่วนฝ่ายสตรีก็เป็นเด็กของเจ้าพ่อ หลังจากนั้นพระเอกเลิกกับภรรยาหนีไปอยู่อเมริกา และได้เผชิญนางเอกในฉากท้ายที่สุดครบสิบปี 3,650 วัน นั่นเอง สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้โลกจะกว้างเท่าใด หากใจคนยังรักกันก็ต้องมาเจอกันอยู่
Toy Story (1995-2010 , John Lasseter Ash Brannon and Lee Unkrich) : ทอย สตอรี่
การสัญจรของรูปยนตร์แอนิเมชั่นอย่าง Toy Story นับตั้งแต่ปี 1995 ที่เรียกความจับจิต และสร้างความทรงจำดีๆต่อผู้ชมทั่วโลกมาแล้วจำนวนไม่น้อย โดยการพูดถึงเหตุการณ์ของของเล่นที่มีชีวิต และวิชาความรู้สึกนึกคิดต่อเจ้าของอันเป็นที่รัก อันนำไปสู่การผจญภัยที่น่าตื่นเต้น 15 ปีผ่านไปกับการโตขึ้นของ Toy Story วิวัฒนาการที่ถูกต่อยอดและเนื้อเรื่องที่โตขึ้นขึ้น ให้มาถึงภาคปัจจุบันอย่าง Toy Story 3 กระทั่งแต่ละวันนี้
โดยการบอกถึงเหตุการณ์ของขณะที่วิ่งอยู่อย่างไม่มีวันสิ้นสุดนิ่ง แอนดี้ ผู้เป็นเจ้าของและเพื่อที่จะนข้างกายบรรรดาเหล่าชาวของเล่นของเขา จำใจต้องเติบโตไปกับระยะเวลาพวกนั้น จึงเป็นต้นสายปลายเหตุผลที่เราทึ่งกับการเติบโตของ Toy Story และไม่น่ามั่นใจว่าจะสามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ซึ่งเมื่อเราทดลองมองให้ลึกลงไปมันหยิบเป็นแง่มุมที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว กับภายใต้ดวงใจของคนบางคนที่ได้แต่เพียงยุติอยู่ที่เดิมไม่สามารถก้าวไปไหนได้ ในเวลาที่อีกคนไม่สามารถที่จะยุติและจำใจจำเป็นที่จะต้องก้าวเดินต่อไป มันจึงเกิดเรื่องที่น่าใจหาย และเพื่อผู้ชมมันน่าติดตามเพิ่มขึ้นกว่าเก่า
กับการคอยเฝ้าดูและเอาใจช่วยหมู่เขา โดยหวังเพียงแม้กระนั้นขอให้มันเป็นการจากลาที่ดี และไม่มีผู้ใดควรต้องเสียน้ำตา ซึ่งตลอดระยะเวลาขณะการรับดูส่วนหนึ่งส่วนใดของการห่างเหินไปนานจากเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่อง ทั้งภาค 1 2 และ 3 จึงเป็นอะไรที่เสมือนกับการนั่งย้อนระลึกความข้างหลังถึงวันเก่าๆในแต่ก่อน ทั้งวิชาการสึกโหยหา หนังเอเชีย และนึกถึง ล้วนกลับมาดั่งกระแทกกลางใจคนชม ให้เข้าถึงอารมณ์อย่างเข้าอกรู้เรื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งจึงควรขอบอกเลยว่า Toy Story ยังอาจจะธีมหลักของเรื่องไว้อย่างเหนียวแน่น ทั้งความสนุก ความตลกโปกฮา และการผขจญภัย อันส่งผลให้เกิดความรักความผูกพันธ์ที่มีต่อมิตรสหาย และการปิดผลสรุปเรื่องราวของแอนดี้ กับเพื่อนพ้องชาวของเล่น ที่ทำได้อย่างสวยงามและตราตรึงใจคนชมจวบจนตอนนี้
The Talented Mr. Ripley (1999)
‘ทอม ริปลี่ย์’ (Matt Damon) ยืมเสื้อแจ็คเก็ตของม.พรินซ์ตันมาบรรจุเล่นเปียโนในสวน ทำให้เขามีโอกาสได้สมเท้าความว่าเคยชิน ‘ดิ๊กกี้ กรีนลีฟ’ (Jude Law) ศิษย์เก่าพรินซ์ตัน หนังเอเชีย ลูกชายมหาเศรษฐีอู่ต่อเรือซึ่งไปหลบพักผ่อนร้อนที่อิตาลี่ไม่อ่อนข้อกลับอเมริกา พ่อของดิ๊กกี้เลยจ้างทอมให้ไปตามตัวลูกชายกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่พอทอมไปถึงอิตาลี่ เขาดันไปหลงใหลวิธีการใช้ชีวิตในแบบของดิ๊กกี้ จากจุดเริ่มต้นที่เขาแกล้งหลงรักดนตรีแจ๊สและบ่งชี้ออกถึงความมุ่งหวังในแบบ homosexual เมื่อบวกด้วยความสามารถในการสร้างความจับอกจับใจแรกเห็นและการปลอมแปลงฟอร์ม เขาก็ค่อย ๆ กลืนตัวตนตัวของเราเองจนกลายเป็นดิ๊กกี้ตอนท้าย
เห็นได้ชัดเป็นหนังจิตวิทยาฆาตกรรมแบบนี้ แต่การที่หนังเฟ้นโลเคชั่นเป็นอิตาลี่และพล็อตเกี่ยวเนื่องกับการพักผ่อนร้อนจึงไม่แปลกที่จะได้เห็นได้ชัดความงามของเมืองนาโปลี ในท้องถิ่นกัมปาเนีย และยังได้ปรากฏอีกหลากหลายเมืองของอิตาลี่ ดังเช่นกรุงโรม, เมืองเวนิส, ปาแลร์โม, ริมทะเล Anzio, เกาะอิสเกีย ซึ่งล้วนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อเรื่องที่ชวนให้อยากไปรับรู้อิตาลี่สักครั้งในชีวิต
My Sassy Girl กำกับโดย กวัก แจ-ยง
เป็นหนังที่ส่งผลให้ชายหนุ่มในยุคนั้นหลงใหล ช็อน จี-ฮย็อน เป็นพิเศษ เนื่องมาจากความมีเสน่ห์ของเธอจากหนังหัวข้อนี้ ที่ พระเอกที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหล่อ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษาหนุ่มคย็อนอู (ชา แท-ฮย็อน) มาเผชิญกับหญิงสาว (ช็อน จี-ฮย็อน) กำลังเมาอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินหนแห่งึ่ง ข้างหลังแล้วหลังจากนั้นก็ยังเจอกันมาเรื่อยๆ ๆ หนังเอเชีย จนสนิทกัน มีทั้งเรื่องกวนฮา ตลกขบขัน เศร้า ปะปนกันไป ถือได้ว่าเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งของเกาหลีอย่างยิ่งจริงๆ
Sukiyaki Western Django ศึกหม้อไฟ ซามูไรจิ้มจุ่ม (2007)
ต้องการกราบคนคิดชื่อเรื่องไทยให้กับหนังหัวข้อนี้สักพันครั้งกับ Sukiyaki Western Django ศึกหม้อไฟ ซามูไรจิ้มจุ่ม ศึกหม้อไฟ? ซามูไร? จิ้มจุ่ม? คือโอเคที่ชื่อถ้อยคำอังกฤษมันเป็นคำว่า Sukiyaki ด้วยเหตุนี้คุณก็เลยจะใช้คำว่าจิ้มจุ่มเป็นชื่อไทยเช่นนี้ก็ได้เหมือนกันเหรอ?
Sukiyaki Western Django ศึกหม้อไฟ ซามูไรจิ้มจุ่ม (นึกว่าหนังเกี่ยวกับอาหาร) เกิดเรื่องเหมือนกับเกี่ยวกับการสู้รบกันของกองทหารสองตระกูลเพื่อครอบครองพื้นที่ขุมทรัพย์ในตำยาวนาน ทีนี้พระเอกที่เป็นหนุ่มพเนจรที่มีฝีมือฉกาจสัญจรมาพอดี ก็มีการขณะชิงกันเพื่อนำไปเป็นหมวดหมู่ของตนเกิดขึ้น มีทั้งการหักหลัง ชิงอำนาจ ความรัก ประสมประสานกันจนเหมือนหม้อไฟจิ้มจุ่มรสจัด ตามชื่อขึ้นมาในทันที (บากบั่นโยงให้)
In the Mood for Love (2000) – ห้วงรักอารมณ์เสน่หา
เจ้ามู่หวัน คอลัมนิสท์หนังสือพิมพ์เจ้าหนึ่ง ที่ได้บังเอิญมาเจอกับ ชั่นไลเจิน เลขลำดับาบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้า จากการที่ย้ายมาอยู่ในห้องเช่าที่ติดกันในประเทศฮ่องกง ครั้นว่าทั้งคู่ต่างแต่งงานมีคู่ครองเป็นของตนแล้ว แต่ความเชื่อมโยงในชีวิตคู่ของหมู่เขาก็อยู่ด้านในขณะที่จืดจาง และสั่นคลอนเต็มที จนส่งผลให้ความเหงา เปล่าเปลี่ยว ของหมู่เขาก็นำมาสู่ความเชื่อมโยงต้องห้าม ของคนที่มีคู่ครองกันอยู่แล้ว
ผู้คนจำนวนมากคงเคยรับรู้ Verb to “หว่อง” กันมาโดยตลอด ซึ่งความ ‘หว่อง’ ที่ว่าก็คือสไตล์กระบวนการทำหนังแบบผู้กำกับชื่อดังที่มีชื่อว่า หว่องกาไว กันนั่นเอง ที่มักเน้นสไตล์บรรยากาศชวนเหงา มีสถานะการณ์ที่เรียบเงียบ และพาไปตรวจดูหัวใจอันแสนปล่าวเปลี่ยวของคนเรา เจือกับโทนเนิบๆ แต่ซึมลึกบาดใจยิ่งกว่าอะไรดี โดย In the Mood for Love เรื่องนี้ ก็นับเป็นอีกผลงานขึ้นหิ้งของผู้กำกับที่คลาสสิคเหนือการณ เวลา และเป็นจุดกำเนิดลำดับชั้นดี กับความประพฤติปฏิบัติการหว่องกัน
it’s boy girl thing หนุ่มห้าวสลับสาวจุ้น
จะกำเนิดอะไรขึ้นหากนางเอกสลับร่างกับพระเอก!!! หนังเอเชีย ผู้ชายสลับกับสตรีอ่ะเนอะมันก็จะออกแนวหนังที่เคยรีวิวไปแล้วในภาค 1 ซึ่งก็ขำๆไปอีกกกก เนื้อเรื่องก็ประมาณทั้งสองก็ไม่ถูกกันอยู่แล้ว ดันมาสลับร่างกัน สรุปก็จำเป็นจะต้องหาเคล็ดลับกลับมาร่างเดิม ตามสูตร ไปชมกันเนอะ
ขบขัน สนุก
not another teen ไม่ไหวแล้ว หนังหยองๆ หวีดๆ
ชื่อเรื่องไทย มีความน่ากลัว5555 หนังหัวข้อนี้เป็นหนังล้อเลียน ที่ล้อเลียนหนังวัยรุ่น โดยเนื้อเรื่องหลักล้อเลียนหนัง she’s all that และก็ยังล้อเลียนเรื่องอื่นแฝงอีก ได้แก่ bring it on ถ้าหนังล้อเลียนทุกท่านจะทราบอยู่แล้วว่าจะ ตลกขบขัน มุขฮาไรจัดเต็มมากๆ แต่พระเอกสิค่ะ แซ่บไรเบอร์นั้น เคยชินกันดีในบทบาท กัปตันอเมริกัน สามีแห่งโลกของสาวก avenger